- Home >
- 29 กุมภาพันธ์ ทำไม 4 ปีมีแค่ครั้งเดียว???
29 กุมภาพันธ์ ทำไม 4 ปีถึงมีแค่ครั้งเดียวนะ?
กำเนิดเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มแรกมี 29 สลับกับ 30 วัน
ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar)แห่งโรมัน เมื่อ 46 ปีก่อนคริสตกาล ซีซาร์เป็นคนแรกที่ริเริ่มให้ใช้ "ปฏิทินจูเลียน" (Julian calendar) ซึ่งได้ทำการปรับเปลี่ยนจำนวนเดือนเสียใหม่ โดยก่อนหน้านั้นชาวโรมันใช้ "ปฏิทินโรมัน" กันมา ซึ่ง 1 ปีปฏิทินมี 10 เดือน (304 วัน) คือ Martius, Aprilis, Maius, Junius, Quintilis, Sextilis, September, October, November และ December เทียบแล้วก็คือ มีนาคม-ธันวาคม ของปัจจุบันนั่นเอง และในบางปีจะมีการทดเดือนพิเศษเข้ามาเพื่อให้มีวันใกล้เคียงตามสุริยคติ
แต่ซีซาร์เห็นว่าปฏิทินแบบเดิมซึ่งนับเดือนตามข้างขึ้นข้างแรมนั้นมีความไม่เหมาะสม จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 2 เดือน คือ January และ Febuary (มกราคมและกุมภาพันธ์) ให้แต่ละเดือนมีจำนวนวัน 30 และ 31 วันคละกันไป ยกเว้นเสียแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ให้มี 29 วัน แต่ก็ยกเว้นในปีอธิกสุรทิน (ปีที่ปฏิทินมี 366 วัน) ก็จะให้เดือนกุมภาพันธ์มี 30 วันได้ นอกจากนี้ซีซาร์ยังได้เปลี่ยนชื่อเดือน Quintilis ซึ่งเป็นเดือนเกิดของตนเป็น July ตามชื่อตัวเองด้วย
*** อ่อออ เดือน July นี่ก็มาจากการเปลี่ยนชื่อเดือนให้คล้องกับชื่อกษัตริย์ Julius นั่นเอง^^
ปฏิทินจูเลียน ภาพจาก science
หลังจากที่ จูเลียส ซีซาร์ ได้กำหนดให้หนึ่งปีมี 12 เดือน พร้อมกับเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 29 และ 30 วัน สลับกันไปนั้น ปฏิทินจูเลียนก็ถูกใช้สืบต่อเรื่อยมา จนถึงยุคของ ออกัสตุส ซีซาร์ (Augustus Caesar) ลูกบุญธรรมของ จูเลียส ซีซาร์ ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ปฏิทินจูเลียนก็มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกคราว
พระเจ้าออกัสตุสนั้นอยากมีเดือนเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวเองเช่นบิดาบ้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเดือน Sextilis ซึ่งเป็นเดือนเกิดของตนเป็นชื่อ August เท่านั้นยังไม่พอ ทรงเห็นว่าเดือนนี้มีเพียง 30 วัน ซึ่งการมีจำนวนวันเป็นเลขคู่นั้นถือเป็นเดือนโชคร้าย จึงไปดึงวันจากเดือนเกิดใหม่อย่างกุมภาพันธ์มาใส่ ทำให้เดือนสิงหาคมมี 31 วัน และเดือนกุมภาพันธ์เหลืออยู่ 28 วัน และก็กลายเป็น 29 วันในปีอธิกสุรทินอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันไปนั่นเอง
*** และนี่ก็เป็นที่มาของชื่อเดือนใหม่ นั่นก็คือเดือน August ซึ่งมาจากชื่อกษัตริย์ Augustus นั่นเอง^^
29 กุมภาพันธ์ ทำไม 4 ปีถึงมีแค่ครั้งเดียว ?
เหตุผลที่เดือนกุมภาพันธ์เดี๋ยวมี 28 วันบ้าง 29 วันบ้าง แถมต้องรอตั้ง 4 ปี ถึงจะได้มีวันที่ 29 กุมภาพันธ์ สักครั้ง นั่นก็เป็นเพราะปฏิทินจูเลียนได้อ้างอิงการนับวันตามระบบสุริยคติหรือดูจากตำแหน่งดวงอาทิตย์เป็นหลัก และก่อนคำนวณปฏิทินนี้ขึ้น ชาวโรมันผู้ซึ่งเป็นคนพวกแรกที่คำนวณปฏิทินขึ้นมาใช้อย่างเป็นระบบว่า ได้พบว่าโลกใช้เวลาทั้งหมด 365.25 วัน (นับเป็น 1 ปี) ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์
แต่ครั้นจะให้ปฏิทินรอบ 1 ปี มี 365 กับเศษอีก 0.25 วัน ก็กระไรอยู่ จึงได้แก้ปัญหาว่าให้เดือนกุมภาพันธ์มี 28 วันไปเรื่อย ๆ จนครบ 4 ครั้งเมื่อไร ก็เท่ากับว่าได้เวลา 0.25 วันเพิ่มขึ้นมาสี่รอบกลายเป็น 1 วันเต็มพอดี และก็ให้เดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้นมี 29 วันไปนั่นเอง นี่ล่ะเหตุผลว่าทำไมต้องรอถึง 4 ปี ถึงจะได้เห็นวันที่ 29 กุมภาพันธ์ สักทีหนึ่ง
การปรับวันในปฏิทินเกรโกเรียน ภาพจาก biblelight
ปฏิทินเกรโกเรียนให้การปรับปรุงปฏิทินนี้มีผลย้อนหลัง โดยจำนวนวันหายไปสิบวัน ปีล่าสุดที่ถูกปรับคือ ค.ศ. 1900 และหลังจากนั้นมายังไม่มีการปรับอีกเลย กล่าวคือปฏิทินจูเลียนและเกรโกเรียนในปัจจุบันเดินตรงกันแล้ว
ส่วนอีกร้อยกว่าปีข้างหน้าจะมีการปรับวันอีกอย่างไรก็ต้องว่ากันอีกที แต่อย่างไรก็ดีในปัจจุบันนี้ประเทศตะวันตกส่วนใหญ่และอีกนานประเทศทั่วโลกได้ยึดใช้ปฏิทินเกรโกเรียนเป็นปฏิทินสากลแล้ว รวมทั้งประเทศไทยด้วย
จะรู้ได้อย่างไรว่าปีไหนเดือนกุมภาพันธ์จะมี 28 หรือ 29 วัน ?
หลักการคำนวณง่าย ๆ ว่าปีไหนเดือนกุมภาพันธ์จะมี 28 หรือ 29 วัน ให้ใช้ตัวเลขปีคริสตศักราชตั้ง แล้วหารด้วย 4 หากหารลงตัวก็แสดงว่าปีนั้นเป็นอธิกสุรทิน มี 366 วัน ในปีนั้นก็จะได้เห็นวันที่ 29 กุมภาพันธ์ โผล่ขึ้นมา
ยกตัวอย่างเช่น ปี ค.ศ. 2008 นำ 2008÷4 = 502 ลงตัวพอดีไม่เหลือเศษ แสดงว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2008 มี 29 วัน
แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นชวนปวดหัวอยู่อีก 2 ประการ คือ
1. หากปีนั้น หารด้วยเลข 4 และ 100 ลงตัว ไม่ต้องเพิ่มวันที่ 29 (มีแค่ 28 วัน) แต่..
2. หากปีนั้น หารด้วยเลข 4 และ 100 และก็ยังหารด้วย 400 ลงตัวด้วย ให้กลับไปใช้หลักการเดิมคือเติมเพิ่มลงไปหนึ่งวัน เป็น 29 วัน
*** สรุปก็คือมีการค้นพบว่าที่จริงแล้วโลกใช้เวลาหมุนรอบดวงอาทิตย์เท่ากับ 365.25 วันแต่ครั้นจะกำหนดปฏิทินให้มีเศษก็ดูแปลกๆ จึงกำหนดให้ปฏิทินมีแค่ 365 วันและเมื่อครบ 4 ปีก็จะมีวันเพิ่มมาอีก 1 วันก็ค่อยเพิ่มเข้าไปในเดือน กุมภาพันธ์ ทำให้ในปีนั้นมี 29 วัน นั่นเอง^^
ขอบคุณข้อมูลจาก oa.kapook.com